การทดสอบปลั๊ก-เอาท์ ของ อะพอลโล 1

ในวันที่ 27 มกราคม ค.ศ. 1967 ที่ฐานส่งแหลมคะแนเวอรัล คอมเพล็กซ์ 34 ได้มีการทดสอบที่มีชื่อว่า "ปลั๊ก-เอาท์" เพื่อตรวจสอบว่ายานอวกาศจะทำงานตามปกติโดยใช้พลังงานภายใน (จำลอง) ในขณะที่ ถอดออกจากสายเคเบิลและสายสะดือทั้งหมด ได้หรือไม่ การผ่านการทดสอบนี้เป็นสิ่งสำคัญก่อนที่จะเปิดภารกิจในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ การทดสอบนี้ถือว่าไม่เป็นอันตรายเนื่องจากทั้งยานปล่อย และยานอวกาศไม่ได้บรรจุเชื้อเพลิงหรือไครอยีนิคส์ และสกรูดอกไม้ไฟทั้งหมด (สลักเกลียวระเบิด)[11]

เวลา 13:00 น. (เขตเวลาตะวันออก) ของวันที่ 27 มกราคม กริซซัม แชฟฟี และไวต์ ได้เข้าควบคุมโมดูลคำสั่งบนยานอวกาศที่เหมาะกับแรงดันอย่างเต็มที่ และถูกรัดเข้ากับที่นั่งและถูกเกี่ยวเข้ากับตัวให้ออกซิเจนและระบบสื่อสารของยานอวกาศ กริสซัม รู้สึกถึงกลิ่นแปลก ๆ ในอากาศที่ไหลเวียนผ่านชุดของเขาทันทีซึ่งเขาเปรียบว่าเหมือนกับ "บัตเตอร์มิลค์รสเปรี้ยว" ทำให้การนับถอยหลังจำลองถูกพักไว้ในเวลา 13:20 นาที เพื่อเก็บตัวอย่างอากาศนำไปตรวจสอบแต่ก็ไม่พบสาเหตุของกลิ่น การนับถอยจึงกลับมาเกิดขึ้นในเวลา 14:42 น. โดยสุดท้ายจากการตรวจสอบหลังจากเกิดไฟไหม้แล้วพบว่าไม่เกี่ยวข้องกับกลิ่นนี้[11]

โดยภายในยานอวกาศได้มีอุปกรณ์ตรวจสอบการเคลื่อนไหวของนักบินอวกาศ ทั้งหน่วยวัดความเฉื่อยของยานอวกาศ เซ็นเซอร์ชีวการแพทย์ของนักบินอวกาศ และการเพิ่มขึ้นของการไหลเวียนของออกซิเจนในอวกาศ และมีไมโครโฟนที่ติดตั้งอยู่ แต่การสื่อสารที่เชื่อมต่อสัญญาณระหว่างลูกเรือภายในยานอวกาศ กับอาคารปฏิบัติการและการชำระเงิน กับห้องควบคุมฐานส่งแหลมคะแนเวอรัล คอมเพล็กซ์ 34 กลับเกิดการขัดข้อง กริสซัม ตั้งข้อสังเกตว่า: "เราจะไปดวงจันทร์ได้อย่างไรถ้าเราไม่สามารถพูดคุยระหว่างสองหรือสามอาคารได้" การนับถอยหลังจำลองถูกระงับอีกครั้งในเวลา 17:40 น. เพื่อแก้ไขปัญหาการสื่อสารโดยมีกำหนดเสร็จสมบูรณ์ภายใน 18:20 น. แต่เวลา 18:30 น. การนับถอยหลังจำลองก็ยังคงไม่เกิดขึ้น[11]

เพลิงไหม้

เหล่าลูกเรือได้ทำการตรวจสอบยานอวกาศของตน หลังจากพบว่าแรงดันไฟฟ้า AC Bus 2 เพิ่มขึ้นชั่วขณะ ก่อนที่ในอีกเก้าวินาทีต่อมา (เวลา 6: 31: 04.7) นักบินอวกาศคนหนึ่ง (ห้องปฏิบัติการวิเคราะห์ว่าเป็นกริสซัม) อุทานว่า "เฮ้!", "ไฟ! ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องสองวินาทีผ่านไมโครโฟนแบบเปิดของ กริซซัม ก่อนที่ ในเวลา 6: 31: 06.2 (23: 31: 06.2 GMT) โดยลูกเรือคนหนึ่ง (การวิเคราะห์ในห้องปฏิบัติการระบุว่าเป็น แชฟฟี) พูดว่า เกิดไฟลุกไหม้ในห้องนักบิน "หลังจากเงียบไป 6.8 วินาทีผู้ฟังหลายคนได้ยินเสียงการส่งสัญญาณที่อ่านไม่ออกว่า:

  • "พวกเขากำลังต่อสู้กับไฟร้าย - ออกไปกันเถอะ ... เปิด" เอ่อ "
  • "เรามีไฟไหม้ - ออกไปกันเถอะ ... เรากำลังลุกเป็นไฟ" หรือ
  • "ฉันกำลังรายงานไฟไหม้ ... ฉันกำลังจะออกไป ...

โดยกินเวลา 5.0 วินาทีและจบลงด้วยเสียงร้องแห่งความเจ็บปวด[5]:5–8,5–9

ความรุนแรงของไฟที่มีผลจากออกซิเจนบริสุทธิ์ที่ทำให้ความดันเพิ่มขึ้นเป็น 29 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว (200 กิโลปาสกาล) ซึ่งทำให้ผนังด้านในของโมดูลคำสั่งแตกในเวลา 6:31:19 (23:31:19 GMT ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของไฟ) ความร้อนที่รุนแรง ควันหนาแน่น ซึ่งทำให้หน้ากากป้องกันแก๊สพิษใช้ไม่ได้ผล ทำให้ความพยายามของลูกเรือภาคพื้นดินในการช่วยเหลือเป็นไปได้ยาก มีความกังวลว่าโมดูลคำสั่งจะระเบิด และไฟอาจลุกลามไปไหม้จรวดขับดันแบบแข็งในหอส่งสัญญาณหนีภัยเหนือโมดูลคำสั่งซึ่งจะเป็นอันตรายอย่างมากต่อเจ้าหน้าที่ภาคพื้นดินในบริเวณใกล้เคียงและอาจทำลายฐานปล่อยได้[11]

เจ้าหน้าที่ใช้เวลา 5 นาทีในการเปิดฝาประตูยานทัั้งสามบาน และไม่สามารถวางฝาด้านในลงไปที่พื้นห้องโดยสารได้จึงผลักมันออกไปด้านหนึ่ง แม้ว่าไฟในห้องโดยสารจะยังคงสว่างอยู่ ในตอนตอนแรกพวกเขาไม่พบนักบินอวกาศเนื่องด้วยควันจำนวนมากก ก่อนที่จะพบศพในเวลาต่อมาแต่ไม่สามารถเอาออกได้ ไฟได้ละลายบางส่วนของชุดอวกาศไนลอนและท่อที่เชื่อมต่อกับระบบช่วยชีวิตของ กริสซัม และไวท์ กริสซัมถอดเครื่องพันธนาการของเขาออกและนอนอยู่บนพื้นของยาน ส่วนเครื่องพันธนาการของไวท์ถูกไฟไหม้และพบศพของเขานอนอยู่ด้านข้างใต้ช่องของประตู ซึ่งคาดว่าเขาน่าจะพยายามเปิดประตูตามขั้นตอนฉุกเฉิน แต่ไม่สามารถทำได้กับเนื่องจากแรงกดดันภายใน ส่วน แชฟฟี ศพของเขาถูกมัดไว้ที่เบาะนั่งด้านขวา การนำศพออกจากยานใช้เวลารวมเกือบ 90 นาที[11]